Opportunities in AI – 2023

Andrew Ng เป็นอาจารย์ที่โด่งดังอยู่ในวงการเรื่อง AI อยู่แล้วตั้งแต่วิชาเรียนใน Coursera ซึ่งในวันนี้ Generative AI กำลังเติบโต มาดูกันว่าอาจารย์พูดถึงโอกาสไว้ว่าอย่างไรบ้าง มีหลายประเด็นที่น่าสนใจไม่น้อยเลย

Andrew Ng: Opportunities in AI – 2023

ความเร็วในการพัฒนา AI จนถึงการนำไปใช้จริง

เป็นเรื่องที่ผมสัมผัสกับตัวเองมาเช่นกัน หลังจากที่การพัฒนา Model AI ซักอย่างมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ที่ต้องหาข้อมูล ทำการ Label ข้อมูล และพัฒนาปรับแต่งโมเดลจนได้ความแม่นยำที่เหมาะสม งานจะมีความซับซ้อนเป็นพิเศษถ้าเป็นการทำ Natural Language Processing (NLP) ที่ทำเรื่องของโมเดลภาษา แต่หลังจากที่ Generative AI เข้ามาก็ทำให้ กระบวนการต่างๆ ง่ายขึ้น ตามที่อาจารย์บอกไว้เราใช้เวลาไม่นานในการพิสูจน์ว่าไอเดียที่คิดไว้ทำได้หรือไม่โดยการ Prompt ได้เลย

ล่าสุดผมเพิ่งได้คุยกับทีมว่า โดยปกติ NLP ทำอะไรได้บ้าง เช่น

  • การวิเคราะห์อารมณ์ของข้อความ (Sentiment analysis)
  • แยกประเภทของข้อมูล (Classification)
  • การสรุปข้อความ (Summarization)

ซึ่งทั้งหมดนี้แน่นอนมี Library ที่ทำงานได้ ในขณะเดียวกัน ChatGPT ทำมันได้อย่างสวยงามและไม่ยุ่งยากอีกต่อไป ทำให้เปิดโอกาสในการสร้างไอเดียทางธุรกิจใหม่ ๆ ได้อีกมากมาย

AI สายไหนจะเติบโตขึ้นในอีก 3 ปีต่อจากนี้

จากภาพวงนอกที่เป็นสีอ่อนจะเป็นแนวโน้มการเติบโต จะเห็นได้ว่าการทำ Supervised learning ก็ยังคงเป็นโจทย์ใหญ่ในวงการอยู่ แต่ในขณะเดียวกัน Generative AI ก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วถ้าเทียบสัดส่วนแล้วจะเห็นว่าโตขึ้นเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว

ส่วน Reinforcement Learning (RL) ที่ส่วนตัวผมชอบเพราะแนวคิดน่าสนใจดี รอบที่เอาไปแข่งกับ Botnoi ใน DSE#4 ชนะเลิศมาได้ก็เพราะเอา RL มาประยุกต์กับการแนะนำอาชีพของเด็ก ไว้จะเอามาปัดฝุ่นเล่าให้ฟังอีกซักที แต่จากภาพ RL ไม่ได้มีการพัฒนาต่อยอดเท่าไรนักเหมือนจะหยุดนิ่งไปเลย

ทำไมเดิมที AI ยังไม่ได้ถูกใช้อย่างแพร่หลายมากนัก

ผมเองไม่ได้เคยคิดถึงมุมนี้มาก่อนว่าจริง ๆ AI เอาไปใช้ในงานด้านไหนสร้างคุณค่าหรือรายได้เยอะ จากรูปจะเห็นว่า AI ใช้กับเรื่อง โฆษณา (Ads) เยอะที่สุด รองลงมาเป็นเรื่องของ การค้นหา (Web Search) ซึ่งถ้าพูดถึงโจทย์ที่ AI มาแก้ได้มีมากกว่านี้อีกมาก แต่เป็นปัญหาเรื่อง Long tail คือบางโจทย์อาจจะต้องใช้วิศวกรจำนวนมากในการทำ แต่คุณค่าที่ได้กลับมาอาจจะไม่คุ้มที่จะระดมทรัพยากรลงมาทำ

แต่การที่มีเรื่อง Low/no code มาให้เราใช้กันมากขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาโมเดลได้ด้วยการ Prompts ทำให้เปิดโอกาสที่จะแก้ปัญหาที่เป็นโจทย์ที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น

กระบวนการสร้าง Start up ด้วยฐานของ AI ได้อย่างไร

จากภาพทำให้ผมตื่นเต้นพอสมควรกับการสร้าง Start ups ใหม่ ๆ ซึ่งอาจจะเป็นโอกาสสำหรับประเทศไทยในการปั้นธุรกิจออกมาได้รวดเร็วมากขึ้น โดยรวมแล้วการพัฒนา AI จนออกมาเป็นเครื่องมือที่ใช้งานได้จริง ใช้เวลาไม่ถึง 1 ปีและมีคนที่พร้อมให้การลงทุนแล้ว

แต่สิ่งที่อาจารย์เน้นย้ำเรื่องความสำเร็จคือ ต้องไม่กำหนดโจทย์ที่กว้างเกินไป เช่น เอา AI ไปใช้กับบริการทางการเงิน อาจจะต้องเจาะจงกว่านั้น เพื่อให้เป็นโจทย์ที่ Falsified คือสามารถพิสูจน์ได้ว่าผิดหรือถูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทสรุปและความเห็นส่วนตัว

จากที่ฟังมาตลอดจะเห็นว่า ขั้นตอนแรกในการเอา AI ไปใช้ก็เริ่มจากการ Validate ตลาดก่อนอยู่ดีว่ามีโจทย์อะไรต้องแก้ ไอเดียเรามีแนวโน้มจะแก้ไขได้ไหม ไม่ได้เอา AI เป็นตัวนำ สื่งที่รู้สึกคู่ไปกับความตื่นเต้น คือ ความกลัว ถ้าเราคนไทยตามกระแสของโลกไม่ทัน ทุกคนเอา Generative AI มาทำนวัตกรรมออกสู่ตลาดกันมากมาย เรียกได้ว่าเราจะถอยหลังไปไกลแน่นอน ถึงอย่างนั้นผมรู้ว่ามีบริษัททั้งที่ผมรู้จักได้คุยกัน ขยับมาทำด้าน Prompt engineering กันมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี โดยส่วนตัวผมก็จะศึกษาเพื่อเอา Generative AI มาใช้งานเชิงลึกมากขึ้นเช่นกัน ยังมีโจทย์สนุก ๆ ให้ลองเล่นอยู่อีกมากรอเราลองไปแก้อยู่

Scroll to Top